เจ้าชาย ๖ พระองค์ออกบวช ![](Mini_Dhammajak.gif)
![](../P_04_Pictures/28_01.jpg)
หลังจากที่พระบรมศาสดาเสด็จกรุงกบิลพัสดุ์ เพื่อแสดงธรรมโปรดพระพุทธบิดา
ได้ไม่นาน เจ้าชายเทวทัต พระเชษฐาของพระนางพิมพาแห่งราชสกุลโกลิยวงศ์
ได้เสด็จออกผนวชพร้อมเจ้าชายแห่งราชสกุลศากยวงศ์ อีก ๕ พระองค์คือ ภัททิยะ
อนุรุทธะ อานนท์ ภัคคุ กิมพิละ และ ช่างตัดผมชื่อ อุบาลี ภายหลัง คือ
พระอุบาลีเถระ เนื่องจากเจ้าศากยะและโกลิยะมีความถือตัวเพื่อให้คลายทิฐิมานะ
จึงให้อุบาลีบวชก่อนเพราะภิกษุผู้มีอาวุโสน้อยต้องเคารพกราบไหว้ภิกษุผู้มีอาวุโส
มากกว่า
หลังจากการบวชแล้ว พระภัททิยะ ได้สำเร็จวิชชา ๓ พระอนุรุทธะได้ทิพยจักษุ
พระอานนท์ ได้เป็นพระโสดาบัน ส่วนพระเทวทัตได้ฤทธิ์ปุถุชน คือ สามารถแสดงฤทธิ์
และเป็นผู้มีใจมักใหญ่ใฝ่สูงคิดทำลายพระบรมศาสดา เพื่อตนจะได้เป็นใหญ่
ในสังฆมณฑล
![](../P_04_Pictures/28_02.jpg)
วันหนึ่งจึงเข้าเฝ้าพระบรมศาสดาแล้วกราบทูลว่า พระองค์มีพระชนมายุมากแล้ว
ขอให้ตนได้ปกครองคณะสงฆ์แทน เมื่อพระพุทธองค์ทรงปฏิเสธและพระเทวทัต
ไม่ยอมสำนึกตัวจึงถูกทำปกาสนียกรรม คือ ประกาศไม่ให้ภิกษุรูปใดคบพระเทวทัต
ครานั้น พระอชาตศัตรูราชกุมาร พระราชโอรสของ พระเจ้าพิมพิสาร
กับพระนางเวเทหิ ยังเยาว์วัย พระทัยเบาหลงเชื่อถ้อยคำของพระเทวทัตจึงทรง
ปลงพระชนม์พระเจ้าพิมพิสารพระชนกนาถ แล้วอภิเษกพระองค์ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์
![](../P_04_Pictures/28_04.jpg)
ฝ่ายพระเทวทัตได้พยายามทำร้ายพระบรมศาสดา โดยครั้งแรกได้ใช้พวกนาย
ขมังธนููไปยิงพระพุทธเจ้า แต่นายขมังธนูกลับมีจิตศรัทธาได้สดับพระธรรมเทศนาและ
ได้บรรลุพระโสดาปัตติผลทั้งหมด
ครั้งที่ ๒ พระเทวทัตลอบขึ้นไปบนภูเขาคิชฌกูฏ กลิ้งก้อนศิลาใหญ่ลงมา
ในเวลาที่พระบรมศาสดาเสด็จขึ้นภูเขา แต่ก็ไม่อาจทำอันตรายพระพุทธองค์ได้
เป็นเพียงสะเก็ดศิลากระเด็นไปกระทบพระบาทจนห้อพระโลหิต หมอชีวกโกมารภัจจ์
ได้ทำการรักษาอาการของพระพุทธองค์จนหายเป็นปกติ
ครั้งที่ ๓ พระเทวทัตให้ปล่อยช้างนาฬาคีรี ช้างพระที่นั่งที่กำลังตกมันดุร้าย
ในเวลาพระพุทธองค์เสด็จออกมาบิณฑบาตในเวลาเช้า ครั้งนั้น พระอานนท์ไปยืนขวาง
หน้าช้างนาฬาคีรีไว้เพื่อป้องกันพระบรมศาสดา ทันใดนั้น พระบรมศาสดาได้ทรงทรมาน
ช้างนาฬาคีรีให้หมดพยศร้ายกาจ หมอบกายเข้าไปถวายบังคมพระบรมศาสดา
ฟังพระบรมศาสดาตรัสสอน แล้วเดินกลับเข้าสู่โรงช้างด้วยอาการอันสงบ
![](../P_04_Pictures/28_05.jpg)
ภายหลัง พระเทวทัตปรารถนาจะเลี้ยงชีพด้วยการหลอกลวงสืบไป
เพื่อจะแสดงว่าตนเป็นผู้เคร่งครัด จึงเข้าไปเฝ้าพระบรมศาสดา ทูลขอวัตถุ ๕ ประการ
เพื่อให้พระบรมศาสดาบัญญัติให้ภิกษุทั้งหลายปฏิบัติโดยเคร่งครัด คือ
๑.ให้ถือการอยู่ในเสนาสนะป่าตลอดชีวิต
๒.ให้ถือการเที่ยวบิณฑบาตตลอดชีวิต
๓.ให้ใช้ผ้าบังสุกุลตลอดชีวิต
๔.ให้ถือการอยู่โคนไม้ตลอดชีวิต
๕.ให้งดฉันเนื้อสัตว์ตลอดชีวิต
![](../P_04_Pictures/28_06.jpg)
พระบรมศาสดาไม่ทรงอนุญาต และตรัสว่า “ไม่ควร ควรให้ปฏิบัติได้ตามแต่
ศรัทธา”
พระเทวทัตโกรธแค้น เพราะไม่สมประสงค์ กล่าวโทษพระบรมศาสดาประกาศว่า
คำสอนของตนประเสริฐกว่า ทำให้ภิกษุส่วนมากเป็นชาววัชชีที่บวชใหม่มีปัญญาน้อย
หลงเชื่อ ยอมตนเข้าเป็นสาวก ครั้นพระเทวทัตได้ภิกษุยอมเข้าเป็นบริษัทของตน
บ้างแล้วก็ประชุมภิกษุ ในโรงอุโบสถ ประกาศทำสังฆเภท แยกออกจากหมู่สงฆ์ทั้งปวง
แล้วพาภิกษุเหล่านั้นไปยังตำบลคยาสีสะประเทศ ครั้นพระบรมศาสดาได้ทราบเหตุนั้น
แล้ว ทรงดำรัสให้พระสารีบุตรเถระและพระโมคคัลลานเถระไปนำภิกษุพวกนั้นกลับมา
พระอัครสาวกทั้งสองรับพระบัญชาแล้วไปที่คยาสีสะประเทศ แนะนำพร่ำสอนจนภิกษุ
เหล่านั้นได้บรรลุอมตธรรม แล้วพาภิกษุเหล่านั้นกลับมาเฝ้าพระบรมศาสดา
![](../P_04_Pictures/28_07.jpg)
พระโกกาลิกะซึ่งเป็นศิษย์ผู้ใหญ่ของพระเทวทัตใช้เข่ากระแทกพระเทวทัต
อย่างแรงด้วยกำลังโทสะ เป็นเหตุให้พระเทวทัตเจ็บปวดอย่างสาหัสถึงอาเจียน
เป็นโลหิต ได้รับความทุกขเวทนาอย่างแรงกล้า ไม่ทุเลาอยู่ถึง ๙ เดือน
![](../P_04_Pictures/28_08.jpg)
พระเทวทัตสำนึกผิดกลับหวนระลึกถึงพระบรมศาสดา ใคร่จะเห็นพระองค์เป็นครั้ง
สุดท้าย จึงขอร้องให้ภิกษุผู้เป็นศิษย์ช่วยนำตัวไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าโดยยก
พระเทวทัตขึ้นนอนบนเตียง แล้วช่วยกันหามมา ตั้งแต่เมืองราชคฤห์ จนถึงเมืองสาวัตถี
ขณะที่หามพระเทวทัตมาถึงสระโบกขรณี ซึ่งอยู่นอกพระเชตวันวิหาร
จึงวางเตียงลงในที่ใกล้สระ พระเทวทัตลุกนั่ง ห้อยเท้าทั้งสองถึงพื้นดินประสงค์จะ
เหยียบยันกายขึ้นยืนบนพื้นปฐพี ในขณะนั้นพื้นปฐพีก็แยกออกเป็นช่องสูบเอา
พระเทวทัตลงไปในแผ่นดินจนถึงคอ พระเทวทัตได้กล่าว คาถาสรรเสริญบูชา
พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ขอประทานอภัยและถวายกระดูกคางเป็นพุทธบูชา
พอสิ้นเสียงร่างพระเทวทัตก็จมหายลงไปในพื้นปฐพีไปบังเกิดในอเวจีมหานรก
ด้วยบาปกรรมที่ไม่เคารพพระรัตนตรัย ประทุษร้ายพระบรมศาสดา ทำสังฆเภทยังสงฆ์
ให้แตกกันเป็นอนันตริยกรรม
ที่มาจากพระไตรปิฎก อรรถกถาและคัมภีร์ที่เกี่ยวข้อง
บทภาพยนตร์
บรรยาย
กาลต่อมาพระพุทธเจ้าเสด็จจาริกไปประทับอยู่ที่ อนุปิยอัมพวัน ป่ามะม่วง
ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระพุทธองค์ เคยประทับพักแรมเมื่อแรกออกบรรพชา … บรรดาเจ้าชาย
ศากยะ ๕ พระองค์ คือ
- เจ้าชายภัททิยะ
- เจ้าชายอนุรุทธะ
- เจ้าชายอานนท์
- เจ้าชายภะคุ
- เจ้าชายกิมพิละ
-และฝ่ายโกลิยะวงศ์ คือ เจ้าชายเทวทัต พร้อมด้วยช่างตัดผม อุบาลี อีกหนึ่งคน
ได้พากันเดินทางมาเข้าเฝ้า เพื่อทูลขอบวช พระพุทธองค์ จึงประทานการบรรพชาให้
อุบาลีช่างตัดผมก่อนและเจ้าชายทั้ง ๖ พระองค์ตามลำดับ …
บรรยาย
หลังจากออกบวชเป็นพระภิกษุแล้วไม่นาน พระอุบาลี , พระภัททิยะ , พระอนุรุทธะ ,
พระภะคุ , พระกิมพิละ ก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์
บรรยาย
พระอานนท์หลังจากบวชแล้วได้รับฟังโอวาทจากพระปุณณมันตานีบุตรได้บรรลุ
โสดาปัตติผล
บรรยาย
ส่วนพระเทวทัตเท่านั้น ได้เพียงฤทธิ์ปุถุชน คือสามารถแสดงฤทธิ์อันเป็นโลกิยะเท่านั้น
บรรยาย
ต่อมาเหล่าพระสงฆ์ได้ขอให้พระอานนท์รับหน้าที่เป็น พุทธอุปัฏฐาก
พระสงฆ์
ท่านอานนท์ พวกเราได้มีความเห็นพ้องต้องกันว่าท่านนั้นเหมาะสมที่จะเป็น
พุทธอุปัฏฐาก ไม่ทราบว่าท่านจะเห็นเป็นประการใด
พระอานนท์
ข้าแต่องค์พระบรมศาสดา ข้าพระองค์พร้อมที่จะถวายการอุปัฏฐาก แต่ข้าพระองค์
ใคร่ขอพร ๘ ประการ พระพุทธเจ้าข้า
พระพุทธเจ้า
ดีแล้วอานนท์ เธอจงขอเถิด
พระอานนท์
พร ๘ ประการที่ข้าพระองค์กราบทูลขอคือ
๑. พระพุทธองค์อย่าประทานจีวรอย่างดีแก่ข้าพระองค์
๒. อย่าประทานอาหารบิณฑบาตอย่างดีแก่ข้าพระองค์
๓. อย่าให้ข้าพระองค์อยู่ในพระคันธกุฎีเดียวกันกับพระพุทธองค์
๔. อย่าพาข้าพระองค์ไปในที่นิมนต์
๕. ต้องเสด็จไปในที่นิมนต์ที่ข้าพระองค์รับไว้
๖. ต้องประทานอนุญาตให้ข้าพระองค์นำคนที่มาแต่ไกลเข้าเฝ้าได้ทันที
๗. ต้องประทานอนุญาตให้ข้าพระองค์ทูลถามข้อสงสัยได้ตลอดเวลา
๘. ถ้าพระพุทธองค์ไปแสดงธรรมที่ไหน ก็ขอทรงโปรดแสดงให้ข้าพระองค์ฟังด้วย
พระพุทธเจ้าข้า
พระพุทธเจ้า
ถูกต้องแล้วอานนท์ เราให้พรนั้นแก่เธอ
พระเทวทัต
เราเป็นกษัตริย์ออกบวช … ทำไมนะ ผู้คนถึงได้ไปกราบไหว้เคารพเลื่อมใส
พระสาวกองค์อื่นๆ กันหมด
พระเทวทัต
อ้อ … ยังมี เจ้าชายอชาตศัตรู โอรสของพระเจ้าพิมพิสารแห่งกรุงราชคฤห์
ยังทรงพระเยาว์ไม่รู้คุณรู้โทษ … เราต้องไปแสดงฤทธิ์ให้เห็น เจ้าชายจะได้เลื่อมใส
… ทีนี้ล่ะ …เราอยากได้อะไร พระองค์ก็จะหามามอบให้เราทั้งนั้น …ฮ่า … ฮ่า …
เจ้าชายอชาตศัตรู
ท่าน … ท่าน … ท่านเป็นใคร … ท่านต้องการอะไร … อย่ามาทำร้ายเราเลย …
เจ้าชายอชาตศัตรู
ทหาร …
พระเทวทัต
หยุดก่อนเจ้าชายอชาตศัตรู … อย่าได้ตกพระทัยไปเลย
เจ้าชายอชาตศัตรู
ท่าน … ท่าน … ท่านรู้จักเราได้อย่างไง
พระเทวทัต
เจ้าชาย … จงดูเรา
เจ้าชายอชาตศัตรู
นี่ท่าน …
พระเทวทัต
เราคือพระเทวทัต … เราไม่ได้ประสงค์ร้าย แต่เรามาเพื่อช่วยเหลือพระองค์
เจ้าชายฯ
ช่วยเหลือเหรอ … ช่วยเหลือเราเรื่องอะไร
พระเทวทัต
เอาเถอะ … เมื่อถึงเวลา …พระองค์ก็จะรู้เองตอนนี้เราขอลาพระองค์ไปก่อนหละ …
เจ้าชายฯ
เดี๋ยวก่อน …เดี๋ยวก่อน …
พระเทวทัต
เราแสดงฤทธิ์จนเจ้าชายอชาตศัตรูเคารพเลื่อมใส มอบสิ่งของให้เราทุกอย่าง
ตามแต่จะปรารถนา … ผู้จะได้ปกครองพระสงฆ์ทั้งหลาย สมควรจะเป็นตัวเรา
พระเทวทัตนี่เอง
พระเทวทัต
พระพุทธองค์ … เวลานี้พระองค์ทรงมีพระชนม์มาก ควรจะได้พักผ่อนแล้ว …
ข้าพระองค์จะขอรับภาระปกครองพระสงฆ์เอง ขอพระองค์ทรงมอบพระสาวกมา
แล้วประกาศให้ทราบทั่วกัน ข้าพระองค์จะช่วยสั่งสอนแทนสืบต่อไป
พระพุทธเจ้า
อย่าเลยเทวทัต
พระเทวทัต
ท่าน … ท่าน …
พระเทวทัต
ท่านทำให้เราได้รับความอับอายต่อหน้าผู้คน … หนำซ้ำยังกระทำ ปกาสนียกรรม
ไม่ให้พระภิกษุทุกองค์ พูดคุย คบหากับเรา … นับแต่นี้ไปเราจะทำให้ท่านพินาศจงได้ ฮ่า ๆ
พระเทวทัต
ไม่ได้ … ท่านทำอย่างนี้ไม่ได้ …
พระเทวทัต
มหาบพิตรลองไตร่ตรองให้ดีๆ..ถึงพระองค์จะ ได้ครองราชย์สมพระประสงค์แล้ว
แต่พระองค์ต้องปลงพระชนม์พระบิดาอยู่ดี … หากวันใดพระบิดาของพระองค์
เกิดอาลัยในราชสมบัติ เปลี่ยนพระทัยมาชิงคืน.. เมื่อนั้นมีเหรอพระบิดาจะปล่อย
พระองค์ไป.. ทางที่ดีพระองค์ต้องลงมือก่อน
เจ้าชายฯ
ก็ได้ … เราจะจับพระบิดาคุมขังไว้ ปล่อยให้สิ้นพระชนม์ไปเอง
พระเทวทัต
แล้วแต่พระองค์จะตัดสินพระทัยเถิด
พระเทวทัต
เมื่อเอาชีวิตไม่ได้ถึง ๓ ครั้ง ก็ต้องใช้วิธีสุดท้ายหละ
พระเทวทัต
เราต้องแกล้งทำเป็นผู้เคร่งครัดในพระธรรมวินัย …เพื่อให้พระภิกษุทั้งหมด
หันมาเป็นสาวกของเรา
พระเทวทัต
เพื่อให้ภิกษุในพุทธศาสนามีคนเลื่อมใสศรัทธามากยิ่งขึ้น
ข้าพระองค์ขอให้บัญญัติให้เหล่าภิกษุถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ๕ ข้อ …
พระเทวทัต
ข้อที่ ๑ ให้ภิกษุอยู่ในป่าห้ามจำพรรษาในเมืองหรือในหมู่บ้าน
ข้อที่ ๒ ให้บิณฑบาตอย่างเดียวห้ามรับกิจนิมนต์
ข้อที่ ๓ ให้นุ่งห่มผ้าบังสุกุล ห้ามรับผ้าที่คนมาถวาย
ข้อที่ ๔ ให้อาศัยอยู่ตามโคนต้นไม้ ห้ามอยู่ในสิ่งปลูกสร้าง
ข้อที่ ๕ ห้ามฉันเนื้อสัตว์ทุกชนิด
..ถ้าใครไม่ทำตามนี้จะต้องถูกลงโทษพระพุทธองค์จะเห็นควรอย่างไร
พระพุทธเจ้า
เทวทัต … เราไม่อนุญาต ไม่ใช่พระธรรมวินัยนี้หย่อนยาน แต่สิ่งที่เธอขอจะเป็นการ
ไม่สะดวกต่อการดำรงชีพของภิกษุทั้งหลาย ขอให้ปฏิบัติไปตามกำลังศรัทธาเถิด
ส่วนข้อที่ห้ามฉันเนื้อสัตว์นั้น เราอนุญาตให้ฉันเนื้อที่บริสุทธิ์ใน ๓ กรณี คือ ไม่ได้เห็น
ไม่ได้ยิน และไม่สงสัยว่าฆ่ามาเพื่อตน
พระเทวทัต
ภิกษุทั้งหลาย พวกท่านคิดว่า ใครจะประเสริฐกว่ากัน … ข้อปฏิบัติของเราเคร่งครัดกว่า
ผู้ใดเห็นด้วยกับเราก็จงไปอยู่กับเราเถิด
พระพุทธเจ้า
เทวทัต … อย่าทำอย่างนั้นเลย การทำสังฆเภท แบ่งแยกเหล่าภิกษุสงฆ์
เป็นบาปกรรมหนักมากนัก
พระเทวทัต
ตั้งแต่วันนี้ไป ข้าพเจ้าหาใช่สาวกของท่านไม่ … ข้าพเจ้าจะทำสังฆกรรม
แต่เฉพาะพวกข้าพเจ้าเท่านั้น …
พระเทวทัต
ใครเห็นด้วย ขอให้ตามเรามา
พระโกกาลิกะ
พระเทวทัต … ท่านรู้รึเปล่าว่า ท่านไม่เหมาะสมที่จะเป็นศาสดาของเหล่าภิกษุสาวก
พระเทวทัต
โกกาลิกะ … เจ้าเอาอะไรมาพูด
พระโกกาลิกะ
ฮ่า … ฮ่า … เอาอะไรมาพูด … เอาอะไรมาพูดเหรอ…ตอนนี้พระสารีบุตร
กับพระโมคคัลลานะ อัครสาวกของพระพุทธเจ้ามาเทศนาสั่งสอน จนเหล่าภิกษุของท่าน
กลับใจพากันติดตามอัครสาวกกลับไปพระเชตวันมหาวิหารเกือบหมดแล้ว เหลือแต่พวก
โง่เง่างมงายอยู่ไม่กี่รูปเท่านั้น
พระเทวทัต
โกกาลิกะ เป็นไปไม่ได้ …เป็นไปไม่ได้ …
พระโกกาลิกะ
เป็นไปไม่ได้ … เป็นไปไม่ได้ … ท่านพูดเป็นเท่านี้เหรอ … นี่เหรอธรรม
ของผู้เคร่งครัด …
พระเทวทัต
โกกาลิกะ … เจ้า … เจ้า …
พระโกกาลิกะ
หึ..ท่านนะมันจอมปลอม อาศัยเอาแต่ผ้าเหลืองมาห่ม…อยากจะมีลาภสักการะ…
อวดบารมีแข่งกับองค์พระบรมศาสดา เราไม่ขออยู่ด้วยอีกต่อไป
พระเทวทัต
โกกาลิกะ…กลับมาเดี๋ยวนี้…โกกาลิกะ
ดนตรีประกอบ
พระเทวทัต
เราป่วยหนักอาการไม่ยอมทุเลามานานแล้ว…นี่คงเป็นโทษที่เราทำหยาบช้า
ล่วงเกินพระพุทธองค์ไว้มากมาย…แต่พระพุทธองค์กลับมีเมตตาไม่เคยอาฆาต
พยาบาทเราแม้แต่น้อย … เราอยากเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ในวาระสุดท้ายของชีวิต
เพื่อขอประทานอภัย…พวกเจ้าจงรีบพาเราไปพระเชตวันมหาวิหาร
พระเทวทัต
ใกล้ถึงพระเชตวันมหาวิหารแล้ว … เราขอพักชำระร่างกายก่อนเข้าเฝ้าพระพุทธองค์
ซักนิดเถอะ
ดนตรีประกอบ
พระเทวทัต
ช่วยเราด้วย … พวกเจ้าช่วยเราด้วย …
พระเทวทัต
โอ…พระผู้มีพระภาคเจ้า...ผู้ตรัสรู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง ผู้ถึงพร้อมด้วยวิชาและจรณะ…
เป็นมหาบุรุษเป็นศาสดาผู้สั่งสอนเทวดา และมนุษย์ทั้งหลาย…ข้าพระองค์
ขอถวายกระดูกคางเป็นพุทธบูชาและขอถึงพระพุทธองค์เป็นที่พึ่งตลอดกาลเถิด
พระเจ้าอชาตศัตรู
พระเทวทัตมีบาปหนาสาหัส…แม้ใกล้จะถึงเชตวันมหาวิหารแล้ว ก็ยังไม่มีโอกาส
เห็นพระพุทธเจ้า…กลับถูกธรณีสูบจมลงอเวจีมหานรกเสียก่อน…เฮ้อ…ตัวเราก็ร่วมมือกับ
พระเทวทัต ทำชั่วทำบาปไว้มากมายเหมือนกัน... แม้เวลานอนก็ยังหลับตาลงไม่ได้
เฝ้าแต่นึกถึงผลกรรมรุ่มร้อนใจอยู่ตลอดเวลา...ท่านหมอชีวก ท่านเห็นว่าเราควรจะ
ทำอย่างไร
หมอชีวก
ข้าพระพุทธเจ้าเห็นว่า พระองค์น่าจะเสด็จไปเฝ้าพระบรมศาสดา
เพื่อกราบทูลขอประทานอภัยจึงจะเป็นการสมควรอย่างยิ่ง พระเจ้าข้า
พระเจ้าอชาตศัตรู
จริงอย่างที่ท่านว่า อย่างงั้นท่านไปเข้าเฝ้าพระบรมศาสดาด้วยกันกับเรานะ
พระเจ้าอชาตศัตรู
หม่อมฉันหลงเชื่อคำพระเทวทัต ได้กระทำกรรมที่ผิดร้ายแรงต่อพระพุทธองค์
หม่อมฉันสำนึกผิดและกราบทูลขอประทานอภัย และละเว้นโทษแก่หม่อมฉัน
เพื่อหม่อมฉันจะไม่กระทำอกุศลกรรมเหล่านั้นอีกพระพุทธเจ้าข้า
พระพุทธเจ้า
มหาบพิตร เราอโหสิกรรมให้..
พระพุทธเจ้า
ดูก่อนมหาบพิตร..ไม่ว่ากาลไหนๆ เวรในโลกนี้ย่อมระงับด้วยการไม่มีเวร...
ผู้สมาคมกับคนพาล ย่อมเศร้าโศกสิ้นกาลนาน ผู้สมบูรณ์ด้วยศีล
ย่อมรุ่งเรืองเหมือนไฟสว่าง ผู้มีสติย่อมได้รับความสุข มีความเจริญทุกเมื่อ
ถ้าพระราชาเป็นผู้ทรงธรรม ราษฎรทั้งปวงก็เป็นสุข
ท่านทั้งหลาย....สังขารทั้งหลายมีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปเป็นธรรมดา
จงพิจารณาถึงความไม่เที่ยงแท้ของสังขารทั้งหลาย ตามความเป็นจริงเถิด...
น้ำตาของสัตว์ที่ท่องเที่ยวอยู่ในวัฏสงสารนี้มีมากเหลือคณา...กระดูกที่เขาทอด
ทิ้งทับถมปฐพีจนไม่มีช่องว่างบนพื้นแผ่นดินนี้..เป็นที่น่าสังเวชสลดจิตยิ่งนัก...
บุคคลเมื่อยังติดอยู่ใน รูป รส กลิ่น เสียง และ โผฎฐัพพะ เขาเหล่านั้น
ย่อมจะพ้นจากโลกมิได้เลย
พระเจ้าอชาตศัตรู
หม่อมฉันขอประกาศตัวเป็นอุบาสก ขอถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งไปจนตลอดชีวิต
พระพุทธเจ้า (เสียงก้องในความคิด)
พระราชาองค์นี้ต้องรับผลกรรมหนัก … เพราะได้ปลงพระชนม์พระบิดา ธรรมจักษุอัน
ปราศจากมลทิน จึงไม่บังเกิดขึ้น ณ ที่ประทับนี้
|